โรค "กลืนไม่เข้า คายไม่ออก"
สำนวนว่า "กลืนไม่เข้า คายไม่ออก" มีความหมายว่า หมดหนทางที่จะทำหรือไม่รู้จะทำอย่างไรดีหรือ เป็นการทำให้ตัดสินใจไม่ถูก เพราะจะไม่ทำลงไปก็ไม่ดี ทำลงไปก็ไม่ดี เป็นการยากที่จะตัดสินใจทำลงไปได้ง่าย ส่วนโรค "กลืนไม่เข้า คายไม่ออก" นั้นเป็นโรคจริงๆครับ คนไข้จะมีอาการเหมือนมีอะไรจุกๆ ติดๆอยู่ตรงลำคอ กลืนก็ไม่เข้า คายก็ไม่ออก สร้างความหงุดหงิดรำคาญใจมาก แต่กินข้าวกลืนลงกระเพาะได้ตามปกติ คนไข้ก็จะไปรพ.ตรวจเช็คด้วยวิธีต่างๆตั้งแต่จับดูซึ่งก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรบวม ตรวจเลือดก็ปกติ อัลตร้าซาวด์ x-ray ก็ไม่เห็นอะไร ส่องกล้องก็ไม่เจอ แล้วอะไร(วะ)ที่มันไปติดอยู่ตรงนั้นนะ สุดท้ายหมอก็อาจจะลงความเห็นว่าไม่ได้เป็นอะไร กลับบ้านได้ ครับ ก็ของมันมองไม่เห็น ตรวจก็ไม่เจอ สาเหตุก็ไม่รู้แล้วจะให้รักษายังไงจริงไหมครับ แต่หลังจากที่ตรวจทุกอย่างแล้วไม่เจออะไรผิดปกติเลยนั้น ลองมาทานยาจีนดูไหมครับ เพราะโรคนี้ทางแพทย์จีนมีการบันทึกไว้นานแล้ว และการรักษาก็ได้ผลดีมากด้วย เราเรียกว่าโรค "ลมปราณเม็ดบ๊วยอุดตัน" (梅核气)ครับ ชื่อฟังดูตลกมาก ไม่ได้แปลว่าคนไข้เผลอกลืนลูกอมบ๊วยตราเซี่ยงไฮ้แล้วติดคอแต่อย่างใดนะ (อะไรนะไม่เคยกินเหรอ อร่อยนะนาย) ไอ้เม็ดบ๊วยนี่มาจากไหน เกิดขึ้นมาได้ยังไง เม็ดบ๊วยนี้มาจากส่วนผสมสองอย่างครับ คือลมปราณและเสมหะ อะไรก็ตามที่ส่งผลให้ลมปราณเดินผิดทาง และร่างกายผลิตเสมหะขึ้นมาก็มีโอกาสจะเป็นโรคนี้ได้ครับ ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ลมปราณเดินผิดทางคืออะไร ละ? ก็คือคนที่ทำตัวเหมือนเจ้านี่ ชอบอมบ๊วยแล้วไม่ถุยเม็ดทิ้งนั่นเอง เลยเผลอกลืนติดคอเลย.................ไม่ใช่ละ
ปัจจัยเสี่ยงคือ อารมณ์เสียครับ เครียด โกรธ เศร้า เหงา รัก ได้หมด พอคนเราอารมณ์ขุ่นมัวแล้วลมปราณก็จะมั่วครับ สติแตกเดินออกนอกเส้นทาง ย้อนสอนกันราวเด็กแวนซ์ ไอ้ที่ควรไปไม่ไปนะ ไอ้ที่ไม่ควรอยู่อย่างตรงคอหอยตูเนี่ยมาเชียว เคยบอกไปว่าเสมหะมีอยู่สองประเภทคือแบบที่มองเห็น (เช่นเสมหะที่ออกมาตอนไอ) กับแบบที่มองไม่เห็น ไอ้เม็ดบ๊วยนี่คือแบบที่มองไม่เห็นครับ ธรรมชาติของเสมหะนั้นมันสามารถเดินทางไปได้ทุกที่ทั่วร่างกาย อิสระเป็นของมัน แต่เสมหะมันเป็นของเหลวชนิดนึงครับ มันไม่มีขา เดินเองไม่ได้ เวลาจะไปไหนต่อไหนต้องอาศัยแรงดันซึ่งก็คือ ลมปราณนั่นเอง เพราะฉะนั้นพออารมณ์เสียบ่อยๆเข้า ลมปราณจะติสแตกเดินสะเปะสะปะ และก็ลากเสมหะไปเฮฮากันที่คอหอย ติดอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน สุดท้ายก็กลายเป็นเม็ดบ๊วยในตำนานจนถึงทุกวันนี้เนี่ยแหละครับ โอวววววว และเพราะลมปราณก็ไม่มีรูปร่าง เสมหะก็มองไม่เห็นจึงส่องกล้องหรืออัลตร้าซาวด์ไม่เจออะไรทั้งสิ้นครับ เวลาหมอจีนเจอคนไข้ลักษณะนี้ก่อนอื่นก็ต้องตรวจให้แน่ชัดก่อนว่ามีอะไรไปอุดตันจริงๆหรือเปล่า โดยปกติถ้ามีอะไรอุดตันจริงๆคนไข้จะมีปัญหาในการกลืนอาหารไม่ลงจริงๆครับ ซึ่งก็ควรจะตรวจให้แน่ชัดเพราะถ้าเป็นเนื้องอกหรืออะไรขึ้นมาจริงๆจะได้รักษาให้ทันการ แต่ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติ เป็นโรคเม็ดบ๊วยติดคอจริงๆ หมอจีนรักษาก็จะให้ยาที่ทำให้ลมปราณเดินคล่อง (กินแล้วตดคล่องเลยละ) กับยาละลายเสมหะ (เป็นสมุนไพรนะ) ล้างบางยกแก๊งค์ อาการเม็ดบ๊วยติดคอก็จะหายไปเองครับ |