แจ้งการโอนเงิน    เลขที่บัญชี    วิธีสั่งซื้อ
wattajuk
 
Username
Password
สมัครสมาชิก | ลืมรหัสผ่าน     
 
 
ดูตะกร้าสินค้า
ยังไม่สินค้าอยู่ในตะกร้า
 
 
** ใส่ชื่อหนังสือสั้นๆที่คุณจำได้
ค้นหา

 
  *สินค้าพิเศษ
  กฎหมาย,สัญญา
  การออกแบบ,ศิลปะ,สถาปัตยฯ
  การเกษตร,พืช,ต้นไม้
  การเรียนการสอน,การศึกษา
  การแพทย์,พยาบาล,โรค
  กีฬา,นันทนาการ,เกมกล
  ครอบครัว,คุณแม่,เด็ก,ลูก
  ความรู้,ข้อมูล,อ้างอิง
  คอมพิวเตอร์,ไอที
  คู่มือช่าง/วิศวกรรม
  งานฝีมือ,งานประดิษฐ์
  จิตวิทยา/พัฒนาตนเอง
  ชีวประวัติ,ประวัติคนดัง
  ตลก,ขันขำ,แปลกประหลาด
  ท่องเที่ยว,เดินทาง,แผนที่
  นวนิยายแนวชีวิตและสังคม
  นวนิยายแนววิทยาศาสตร์
  นิยาย/วรรณกรรม/เรื่องสั้น
  นิยาย/วรรณกรรมจีน/กำลังภายใน
  นิยาย/วรรณกรรมภูตผี,ปีศาจ
  นิยาย/วรรณกรรมรักโรแมนติก
  นิยาย/วรรณกรรมอิงประวัติศาสตร์
  นิยาย/วรรณกรรมแปล/อิโรติก
  นิยาย/วรรณกรรมไทย/ทั่วไป
  นิยายวรรณกรรมผจญภัย/แฟนตาซี
  นิยายวรรณกรรมสืบสอบสวน
  บริหาร,จัดการ,การตลาด
  บันเทิง,ดนตรี,บทเพลง
  บ้านและสวน
  ประวัติศาสตร์
  พจนานุกรม,สารานุกรม
  พระราชนิพนธ์,หนังสือพิเศษ
  ภาษาศาสตร์
  รถยนต์,ยานพาหนะ
  รัฐศาสตร์,การเมือง,การปกครอง
  วรรณคดี,สารคดี
  วิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี
  ศาสนา/ธรรมะ/ปรัชญา
  ศิลปวัฒนธรรม
  สังคมศาสตร์
  สัตว์เลี้ยง,ปศุสัตว์
  สุขภาพ,ความงาม
  หนังสือเด็ก/เยาวชน
  อาชีพ,การทำงาน,ประสบการณ์
  อาวุธ,สงคราม,การรบ
  อาหาร/เครื่องดื่ม
  เศรษฐ์ศาสตร์/การลงทุน/หุ้น
  โหราศาสตร์/ดวง/พยากรณ์
  ไฟฟ้า/อิเล็กทรอนิคส์
  ไสยศาสตร์,วิญญาณ,อาถรรพ์

 
 
 
 
 
 
 
ประกาศ ข่าวสาร
 
ความรัก

ผู้โดยสารบนรถประจำทางกำลังมองผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่ง
ที่มีไม้เท้าขาวอยู่ในมืออย่างเห็นอกเห็นใจ
เธอเดินขึ้นบันได รถอย่างระมัดระวังหลังจากชำระค่าโดยสารให้แก่พนักงานแล้ว
ใช้มือคลำหาที่นั่งค่อยๆ ก้าวลึกเข้าไปตามช่องทางเดิน
จนกระทั่งเขาจะเป็นฝ่ายกระซิบบอกเมื่อพบที่ว่าง เธอจึงนั่งลงวางกระเป๋าถือไว้บนตัก
และเก็บไม้เท้าเอามาพาดไว้บนหน้าขา
หนึ่งปีแล้วที่ซูซานวัย 34 ปีได้กลายเป็นคนตาบอด
การวินิจฉัยทางการแพทย์ที่ผิดพลาด ทำให้เธอต้องตกอยู่ในโลกมืด
ไม่อาจมองเห็นได้อีกต่อไป อารมณ์โกธรแค้น สูญเสียและสงสารตัวเอง
พลันอุบัติขึ้นและดำรงอยู่นับแต่นั้นเป็นต้นมา

ก่อนนั้นซูซานสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง แต่บัดนี้เธอรู้สึกเหมือนถูกลงทัณฑ์ด้วยเคราะห์กรรมสักอย่าง
ให้กลายเป็นคนไร้ความสามารถ ช่วยตัวเองไม่ได้ กระทั่งกลายเป็นภาระของคนรอบข้าง
“ ทำไมฉันต้องเป็นเช่นนี้ ” เธออยากสู้คดี… หัวใจเธอเต็มไปด้วยความโกรธ
แต่ไม่ว่าจะร่ำไห้คร่ำครวญ ตีโพยตีพาย หรือสวดมนต์วิงวอนเพียงใด
เธอก็ตระหนักถึงความจริงอันเจ็บปวดว่า สายตาเธอนั้นไม่มีวันกลับคืนมาดีได้ดังเดิมอีกแล้ว
เมฆหมอกแห่งความหดหู่ได้ปกคลุมจิตใจ ที่เคยมองโลกในแง่ดีของซูซานไปเสียแล้ว
เพียงแค่จะใช้ชีวิตให้ผ่านไปในแต่ละวัน ก็ดูจะสั่งสมถมเพิ่มความหงุดหงิด และเหนื่อยอ่อน
ให้เธอเกินจะแบกทานไหว ทั้งหมดนี้จึงทำให้เธอต้องผูกพันอยู่กับมาร์ก ผู้เป็นสามีแต่เพียงผู้เดียว

มาร์กเป็นทหารอากาศซึ่งรักซูซานจนหมดหัวใจ
เมื่อแรกที่เธอนั้นต้องสูญเสียการมองเห็นไปนั้น
เขาได้แต่นั่งมอง ภรรยาจมอยู่กับความผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า
ถัดมาเขาก็เกิดปณิธานอันแน่วแน่ที่จะช่วยเธอกลับมาเป็นคนเข้มแข็ง
และมีความมั่นใจในตัวเองเหมือนอย่างที่เคยเป็น
จากประสบการณ์ด้านการทหารที่ถูกฝึกฝนมาอย่างดี
เพื่อเผชิญกับสถานการณ์อันละเอียดอ่อน
เขาพบว่านี่เป็นศึกหนักที่ยากสุดเท่าที่เขาเคยเผชิญมา

และแล้วซูซานก็พร้อมจะกลับไปทำงานอีกครั้งหนึ่งแต่ปัญหายังมีอยู่ว่า
เธอจะเดินทางไปทำงานได้อย่างไร
ก่อนนี้เธอ เคยใช้บริการรถประจำทาง แต่ยามนี้เธอกลับวิตกที่จะต้องไปไหนมาไหนโดยลำพัง
มาร์กอาสาขับรถไปส่งเธอ แม้ทั้งคู่ จะทำงานกันคนละมุมเมืองเลยก็ตาม
ความคิดดังกล่าวทำให้ซูซานสบายใจขึ้น ทั้งยังเป็นการสนองความปรารถนาของมาร์ก
ที่อยากดูแลคู่ชีวิตผู้ขาดความมั่นใจ ที่จะเผชิญกับสถานการณ์อันเปราะบางที่สุดเช่นนี้
ในไม่ช้ามาร์กก็ตระหนักว่าความคิดนั้นไม่เข้าท่า วุ่นวายและสิ้นเปลืองมากเกินไป
“ ซูซานต้องกลับไปขึ้นรถประจำทางอีกครั้ง ” เขาสรุปกับตัวเอง
แต่เพียงแค่คิดจะเอ่ยเรื่องนี้กับเธออย่างไร ก็ทำให้ เขารู้สึกหนักใจเสียแล้ว
เนื่องจากเพราะเธอต้องการคนคอยดูแลอย่างใกล้ชิด บวกกับยังเป็นคนเจ้าอารมณ์อยู่มาก
“ เธอจะคิดอย่างไรนะ… “ มาร์กอดปรารภกับตัวเองไม่ได้
เหตุการณ์เป็นไปตามที่มาร์กคาดไว้ไม่มีผิด
ซูซานกลัวที่จะกลับมานั่งรถประจำทางอีกครั้ง
“ ฉันตาบอดนะ ” เธอกล่าวอย่างขมขื่น
“ แล้วฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าฉันกำลังจะไปไหน มาร์ก… คุณรู้สึกไหมว่าฉันรู้สึกว่าคุณกำลังจะทอดทิ้งฉัน ”
หัวใจมาร์กพลอยปวดร้าวเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ
เขาจึงสัญญาว่าจะอยู่เป็นเพื่อนเธอทุกเช้าและเย็นจนกว่าเธอจะค่อยๆคุ้นชิน แล้วมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ…

.............

เป็นเวลาสองสัปดาห์ที่ผู้โดยสารบนรถประจำทางสายนั้น ได้เห็นมาร์กในเครื่องแบบทหารเต็มยศ
ปรากฏร่างอยู่เคียงข้างเป็นเพื่อนเธอทั้งเช้าและเย็นทุกวัน
เขาเฝ้าอดทนสอนให้เธอรู้จักใช้ประมาทสัมผัสอื่นๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการได้ยิน เพื่อจะได้รู้ว่าขณะนี้กำลังอยู่ที่ใด
รวมทั้งยังสอนให้เธอรู้จักปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่
และช่วยเธอผูกมิตรกับพนักงานขับรถ เพื่อที่เขาคนนั้นจะได้ช่วยดูแลหาที่นั่งให้เธออีกทางหนึ่ง
นอกจากนี้เขายังทำให้เธอหัวเราะได้แม้ในวันที่ดูจะเป็นปัญหา
เช่น ตอนที่เธอหกล้มขณะเดินลงรถ หรือตอนที่เธอทำกระเป๋าถือหล่น
จนเป็นผลให้เอกสารทั้งหลายทั้งปวงร่วงเกลื่อนทางเดิน
ทั้งคู่จะออกเดินทางด้วยกันตอนเช้า แล้วมาร์กก็จะนั่งแท๊กซี่กลับไปทำงานตามปกติ

ถึงแม้ว่านี่จะดูเป็นการสิ้นเปลือง และทำให้มาร์กเหน็ดเหนื่อยมากกว่าความคิดแรก
แต่เขาก็รู้ดีว่ามีแต่เวลาเท่านั้นที่จะช่วยให้เธอสามารถขึ้นรถประจำทางได้ด้วยตัวเอง
เขายังเชื่อมั่นในตัวเธอเสมอ…
ซูซานผู้ไม่เคยเกรงกลัวการท้าทายอันใด และไม่ยอมเลิกราอะไรง่ายๆ

ในที่สุด วันที่ซูซานรู้สึกว่าตนพร้อมที่จะเดินทางโดยลำพังก็มาถึง
ก่อนจะก้าวขึ้นรถประจำทางในเช้าวันจันทร์ เธอได้โอบกอดมาร์กผู้เป็นสามี
และเคยเป็นเพื่อนร่วมทางบนรถที่ดีที่สุดของเธอ
ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความตื้นตันในความซื่อสัตย์ ความอดทนและความรักที่สามีมีต่อเธอ
จากนั้นเธอได้กล่าวลา และนั่นเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองแยกกันเดินทางไปทำงาน

จากวันจันทร์ อังคาร พุธ พฤหัส… แต่ละวันดำเนินไปด้วยดีทว่าลึกๆ แล้วซูซานไม่เคยรู้สึกดีขึ้นเลย
เธอเพียงแต่ทำไป ตามปกติ เดินทางไปทำงานด้วยตนเอง…
เช้าวันศุกร์ เธอยังคงขึ้นรถประจำทางไปทำงานเช่นเคย
และเมื่อกำลังจะลงจากรถนั้น
เธอได้ยินคนขับรถพูดขึ้นมาว่า “ แหม… ผมอิจฉาคุณจัง ”
แรกทีเดียวซูซานไม่มั่นใจว่าเขาพูดกับเธอหรือเปล่า…
ก็ใครเล่าจะอิจฉาคนตาบอดผู้พยายามรวบรวมความกล้าหาญเพื่อที่จะดำรงชีวิตอยู่ให้ได้
แต่ด้วยความอยากรู้ เธอจึงถามกลับไปว่า “ ทำไมคุณอิจฉาล่ะ ”
คนขับรถตอบว่า “ ผมคงรู้สึกดีมากๆ หากมีใครสักคนมาคอยดูแลปกป้องเหมือนอย่างที่คุณได้รับอยู่ ”
ซูซานไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดจึงถามอีก “ คุณหมายความว่าอย่างไรกัน ”

เขาตอบว่า “ คุณรู้ไหมว่าทุกเช้าๆตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ มีสุภาพบุรุษหน้าตาดีคนหนึ่ง
ในเครื่องแบบทหารยืนตรงหัวมุมถนน คอยเฝ้าดูคุณเวลาคุณก้าวลงจากรถ
รอจนมั่นใจว่าคุณได้ข้ามถนนอย่างปลอดภัยแล้วและยังคงคอยกระทั่ง
คุณเดินเข้าไปในอาคารสำนักงานจนเรียบร้อย จากนั้นก็ส่งจูบและคำนับให้นิดหนึ่ง
ก่อนจะเดินจากไป…นี่ละ… ผมจึงเห็นว่าคุณเป็นสุภาพสตรีที่โชคดีเหลือเกิน ”

น้ำตาแห่งความปลื้มปิติค่อยๆไหลรินลงมาอาบแก้มของซูซาน
แม้ขณะนี้เธอไม่อาจมองเห็นเขาได้ด้วยสายตาตนเองก็จริง
แต่เธอสามารถสัมผัสได้ตลอดเวลา ถึงการมีอยู่ของมาร์ก
เธอช่างโชคดี โชคดีมากๆ เพราะเขาได้มอบของขวัญที่มีคุณค่ามากกว่าการมองเห็น
ของขวัญที่เธอไม่จำเป็นต้องได้เห็นถึงจะเชื่อ เป็นของขวัญแห่งความรัก
ที่สามารถนำมาซึ่งแสงสว่างไปสู่ทุกๆ หนแห่งในความมืดมิด

จาก  Forward Mail