….พระไพศาล วิสาโล
มีนิทานเรื่องหนึ่งเล่าสืบต่อกันมาว่า
ชายผู้หนึ่งได้มอบตัวเป็นศิษย์กับอาจารย์ผู้เคร่งครัดในการบำเพ็ญพรต
หลังจากฝึกปฏิบัติมาได้หลายปี อาจารย์ก็ อนุญาตให้ชายผู้นี้
ไปบำเพ็ญตบะแต่ผู้เดียวบนภูเขาอีก ลูกหนึ่งซึ่งอยู่ไกลออกไป
ชายผู้นี้ปลีกตัวหลีก เร้นบำเพ็ญพรตอย่างจริงจัง
ทุกคืนเขาจะถอดเสื้อซึ่งมี อยู่ตัวเดียวพาดไว้ที่ขอบหน้าต่างกระท่อม
เช้าวันหนึ่ง เขาตื่นมาพบว่าเสื้อของเขาถูกหนูกัดขาดเป็นริ้ว
เขาปะ ซ่อมเสื้อนานเป็นวัน วันรุ่งขึ้นก็พบว่าเสื้อตัวนั้นถูกหนูกัด อีก
คราวนี้ขาดวิ่นจนเกินกว่าจะซ่อมได้ เขาจึงไปขอ เสื้อจากชาวบ้านมาใส่
แต่แล้วก็ถูกหนูกัดจนยับเยินอีก
ในที่สุดเขาจึงตัดสินใจไปขอแมวจากชาวบ้านมาไว้ที่กระท่อม
เขาไม่ต้องกังวลเรื่องหนูอีกแล้ว แต่คราวนี้เขาต้องไปขอนมวัวจาก
ชาวบ้านเพื่อมาเลี้ยงแมว
ผ่านมาได้หนึ่งสัปดาห์เขาก็มีความคิดขึ้นมาว่า
การไปขอนมวัวจากชาวบ้านเป็นเรื่องยุ่งยาก หาวัวมาเลี้ยงจะดีกว่า
แต่เมื่อมีวัวแล้วก็ต้องหาหญ้าให้มันด้วย
เขาเกี่ยวหญ้าให้วัวอยู่พักใหญ่ก็รู้สึกว่าเสียเวลาปฏิบัติ
จึงไปจ้างลูกสาวชาวบ้านมาเกี่ยวหญ้าแทน ไม่นานเงินที่เก็บไว้ก็ร่อยหรอ
เขาจึงแก้ปัญหาด้วยการแต่งงานกับสาวชาวบ้านเสียเลย
จะได้ไม่ต้องเสียเงินจ้าง แถมยังได้คนมาช่วยงานบ้านด้วย
ทีนี้เมื่อแต่งงาน แล้วก็ต้องช่วยกันทำมาหากิน เขาจึงเลิกบำเพ็ญพรต
และกลายเป็นพ่อค้าในที่สุดก็กลายเป็นเศรษฐี
แล้ววันหนึ่งอาจารย์ก็มาเยี่ยมลูกศิษย์
เขาแปลกใจที่เห็นคฤหาสน์ขึ้นมาแทนที่กระท่อม
และแปลกใจยิ่งขึ้นที่เห็นลูกศิษย์ในคราบเศรษฐี
อาจารย์ถามลูกศิษย์ว่าเกิดอะไรขึ้น คำตอบของลูกศิษย์ก็คือ
"พูดไปอาจารย์อาจไม่เชื่อ แต่ไม่มีทางอื่นอีกแล้วที่ผมจะรักษาเสื้อของผมได้"
นิทานเรื่องนี้ ให้คติสอนใจทั้งพระและชาวบ้าน
ชายผู้นี้เริ่มต้นด้วยการเป็นนักพรตที่ยากจน
แต่ลงท้ายกลับกลายเป็นผู้ครอง เรือนที่มั่งคั่ง
วิถีชีวิตที่หันเหเบี่ยงเบนจนกลายเป็นตรงกันข้ามนั้น
เริ่มต้นด้วยเหตุเพียงเล็กน้อย นั่นคือการหาแมวมาจับหนู
ปัญหาของเขาในตอนนั้นคือเสื้อ ขาดเพราะถูกหนูกัด
แต่แทนที่เขาจะต่อกรงหรือทำกับดักจับหนู เขาเลือกที่จะใช้แมวมาจัดการหนู
วิธีนี้ทุ่นแรง ทุ่นเวลา แต่ปัญหาที่ตามมาคือต้องหานมมาเลี้ยงแมว
การหาวัวมาเลี้ยงแก้ปัญหาที่ว่าได้ แต่ภาระที่ตามมาคือต้องเกี่ยวหญ้าให้วัว
การจ้างคนมาเกี่ยวหญ้าทำให้เขาไม่เหนื่อยและมีเวลา บำเพ็ญพรตได้มากขึ้น
แต่ปัญหาที่ตามมาคือต้องหาเงินมา จ่ายคนงาน
ชายผู้นี้แก้ปัญหาดังกล่าวด้วยการแต่งงานกับคนงานเสียเลย
แต่เขาก็ต้องแลกด้วยการละทิ้งชีวิตนักบวช
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงเพราะเขาเลือกใช้วิธีที่ คิดว่าสะดวกสบายที่สุด
ในการรักษาเสื้อ!
ความสะดวกสบายนั้นไม่เคยได้มาเปล่าๆ ฟรีๆ
มันมักจะพ่วงเอาปัญหาหรือภาระอย่างใดอย่างหนึ่งตามมาด้วยเสมอ
รถยนต์อาจทำให้ไปไหนมาไหนได้สะดวก แต่ก็ทำให้ต้องทำงานหนักขึ้น
เพื่อหาเงินมาผ่อนรถ (รวม ทั้งซื้อน้ำมันที่แพงขึ้นเรื่อย ๆ)
และทำให้มีเรื่องหนักอกหนักใจมากขึ้น จะไปไหนก็คอยเป็นห่วงรถ
จะเข้าเมืองก็หาที่จอดรถได้ยาก ชาวบ้านหลายคนพอออกรถแล้วนอนหลับได้ยากขึ้น
เพราะกังวลว่างวดหน้าจะหาเงินจากที่ไหนมาจ่าย
เงินเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ชีวิต สะดวกสบายมากขึ้น
แต่บ่อยครั้งความสะดวกสบายดังกล่าว
ก็ทำให้ชีวิตหันเหเบี่ยงเบนทีละเล็กละน้อย
กว่าจะรู้ตัวก็ไปคนละทิศละทางแล้ว
มีคนจำนวนไม่น้อยที่คิดว่าเมื่อรวยแล้ว ชีวิตจะมีความสุข
เพราะมีความสะดวกสบาย ทุกอย่าง
แต่พอรวยเข้าจริง ๆ ชีวิตกลับทุกข์ยิ่งกว่าตอนที่ยังไม่รวยด้วยซ้ำ
เหมือนกับคนที่ตั้งเป้าหมายไป เชียงใหม่ แต่กลับพบว่าตัวเองอยู่ที่ปัตตานี
ความร่ำ วยทำให้เขาสะดวกสบายมากขึ้นก็จริง
แต่จิตใจกลับมี เรื่องกังวลหม่นหมองมากขึ้น ไหนจะเป็นห่วงทรัพย์สมบัติ
ไหนจะกลุ้มใจที่เจอแต่คนที่หมายจะเอาประโยชน์จากตน
มีร้อยก็ทุกข์ร้อย มีล้านก็ทุกข์ล้าน
ตรงนี้พระพุทธองค์ได้เคยตรัสสอนนางวิสาขา ว่า
"ผู้มีสิ่งเป็นที่รัก ๑๐๐ ก็มีทุกข์ ๑๐๐....ผู้ไม่มีสิ่งเป็นที่รัก ก็ไม่มีทุกข์"
"ไม่มีใครในโลกนี้ที่ได้ ๒๐ ล้านบาทมาเปล่า ๆ ฟรี ๆ
ได้อย่าง ก็ต้องเสียอย่าง(หรือหลายอย่าง)
ดังนั้น ก่อนที่อยากจะได้อะไร ถามตัวเองดูบ้างว่า
มีอะไรบ้างที่อาจจะต้องเสียไปเพื่อแลกกับสิ่งนั้น
และเราพร้อมหรือยังที่จะเสียสิ่งเหล่านั้นไป"