ตามที่สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย ได้ผลักดันมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการอ่านให้คณะกรรมการส่งเสริมการอ่านเพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตพิจารณานั้น คณะกรรมการดังกล่าวมีมติเห็นชอบด้วย จึงได้มีการเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2553 ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการ ดังรายละเอียดในมติชนออนไลน์ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2553 เวลา 17:50:42 น. ตามแนบท้าย ครม.หนุนรักการอ่าน เปิดทางให้บุคคล-นิติบุคคล หักลดหย่อนภาษีจากซื้อหนังสือได้ ครม.เห็นชอบในหลักการออกมาตรการภาษีสนับสนุนคนไทยรักการอ่านหนังสือ เตรียมเปิดทางให้บุคคลธรรมดาหักค่าใช้จ่ายได้ 10,000 บาท/ปี ส่วนนิติบุคคลหักจากค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่า ดันธุรกิจสิ่งพิมพ์อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม 0 % ช่วยให้สำนักพิมพ์สามารถขอคืนภาษีได้เต็มจำนวน ทำให้ราคาหนังสือมีโอกาสถูกลง
เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2553 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติให้กระทรวงการคลังไปหารือกับคณะกรรมการของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อนำมาตรการทางภาษีเชิงรุกมาใช้เพื่อสนับสนุนการอ่าน ซึ่งกระทรวงศึกษาฯเสนอมา 3 ประเด็น คือ 1. ให้ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับค่าใช้จ่ายในการบริจาคหนังสือ และสื่อเพื่อการศึกษาแก่หน่วยราชการ สถานศึกษา หรือองค์กรการกุศล ของทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล โดยกรณีของบุคคลธรรมดาให้ยกเว้นเป็นจำนวนสองเท่าของรายจ่ายนั้น แต่ต้องไม่เกิน 30 % ของเงินได้พึงประเมินหลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนดังกล่าว 2. ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับค่าใช้จ่ายจากการซื้อหนังสืออ่านเพื่อพัฒนาตนเอง ครอบครัว องค์กร โดยบุคคลธรรมดา ให้ยกเว้นตามจำนวนที่จ่ายจริงไม่เกินปีละ 10,000 บาท สำหรับนิติบุคคล ให้หักเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ 2 เท่า 3. ให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีในธุรกิจหนังสือ รวมนิตยสารและหนังสือพิมพ์ เข้าอยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 0 % จะช่วยให้สำนักพิมพ์สามารถขอคืนภาษีได้เต็มจำนวน ทำให้ต้นทุนในการผลิตหนังสือมีแนวโน้มต่ำลง และราคาหนังสือมีโอกาสลดลงได้ในสัดส่วนเดียวกันและกระตุ้นการอ่านหนังสือได้มากขึ้น เข้าถึงผู้อ่านได้มากขึ้น ทำให้ธุรกิจหนังสือขยายตัวได้ง่าย ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ระบุในที่ประชุม ครม.ว่าขอดึงเรื่องนี้เข้ามาสู่การพิจารณาเอง ทั้งๆ ที่ตามกระบวนการ ทางกระทรวงศึกษาธิการจะต้องไปหารือกับกระทรวงการคลังก่อน แต่เนื่องจากต้องการรับฟังความเห็นของครม.ว่าจะมีทิศทางอย่างไรก่อน ขณะที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รมว.สาธารณสุข ก็ได้กล่าวสนับสนุนมาตรการนี้พร้อมระบุว่าเริ่มขึ้นตั้งแต่สมัยที่ตนเป็น รมว.ศึกษาฯ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการอ่านได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง แม้จะได้แสดงความเห็นพ้องกับมาตรการนี้ โดยเฉพาะการลดหย่อนภาษีคงไม่มีปัญหา แต่ได้ตั้งข้อสังเกตกรณีที่จะให้ธุรกิจหนังสือไม่ถูกเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มว่าเป็นเรื่องที่มีความซ้ำซ้อนและยุ่งยากและยังเข้าใจไม่ตรงกัน จากนั้นนายกรัฐมนตรี จึงให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาเรื่องนี้ แต่นายประดิษฐ์ระบุว่าไม่จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาใหม่แต่ตนเองจะเข้าไปหารือร่วมกับคณะกรรมการที่มีอยู่แล้วของกระทรวงศึกษาฯด้วยตนเอง โดยจะไม่ส่งเจ้าหน้าที่ไปแทน และจะนำข้อสรุปมาเสนอ ครม.ภายใน 1 เดือน |